เซ็นค้ำรถ ให้เพื่อนหลานสะใภ้ ถูกฟ้องยึดที่นาและสวน ไร้ที่ทำกิน

Author:

561 ขณะไปรับจ้างทำมาหากินอยู่ที่ จ.ชุมพร กับครอบครัว หลานสะใภ้ซึ่งไปทำงานอยู่ที่ จ.ชุมพร เหมือนกัน ได้มาขอให้ช่วยไปเซ็นค้ำประกันซื้อดาวน์รถยนต์ราคากว่า 7 แสนบาทให้ โดยไม่รู้ว่าหลานสะใภ้ใช้ชื่อเพื่อนเป็นคนซื้อ แต่หลานสะใภ้เป็นคนเอารถไปใช้และจ่ายค่างวดเอง ซึ่งสามีของเพื่อนหลานสะใภ้และตนเองเป็นคนเซ็นค้ำประกันให้

ต่อมาปี 2562 เพื่อนหลานสะใภ้ที่มีชื่อเป็นผู้ซื้อดาวน์รถยนต์คันดังกล่าวได้ล้มป่วยและเสียชีวิต และหลานสะใภ้ที่เป็นคนเอารถไปใช้ไม่จ่ายค่างวดต่อ เพราะเข้าใจผิดคิดว่าบริษัทประกันที่ทำเอาไว้จะยกกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้คนซื้อที่เสียชีวิต แต่บริษัทประกันแจ้งว่าไม่เข้าเงื่อนไข เนื่องจากไม่ได้เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุ บริษัทไฟแนนซ์จึงมายึดรถคืน พร้อมทั้งได้ฟ้องศาลจังหวัดชุมพร เรียกค่างวดที่ค้างชำระคืน 8 เดือน และค่าส่วนต่างรวมเป็นเงิน 120,000 บาท  กระทั่งมีการไกล่เกลี่ยในชั้นศาล ซึ่งตนเองก็ยอมผ่อนจ่ายเดือนละ 3,000 บาท เพราะไม่อยากถูกยึดทรัพย์ โดยที่ผ่านมาก็ผ่อนจ่ายตามสัญญามาตลอด มีบางเดือนที่จ่ายช้าบ้าง เพราะหาเงินไม่ทัน

กระทั่งเหลือยอดประมาณ 3 หมื่นบาท ก็มีหมายบังคับมาติดประกาศขายทอดตลาดที่ดิน ที่เป็นชื่อของตัวเอง 2 แปลง คือ แปลงที่นาเนื้อที่ 9 ไร่ 2 งาน 27 ตารางวา และแปลงสวนข้างบ้านเนื้อที่ 1 งาน 48 ตารางวา แต่แปลกใจว่าที่นาเนื้อที่ 9 ไร่กว่า มีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างบริษัทไฟแนนซ์กับผู้ซื้อ เมื่อเดือน เม.ย. 66  ที่ผ่านมา ตามประกาศขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดี ในราคาเพียง 50,000 บาท มองว่าไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง เพราะแปลงที่สวนข้างบ้านเนื้อที่ 1 งาน 48 ตารางวา ขายในราคา 100,000 บาท และที่คาใจคือ ที่นาเนื้อที่ 9 ไร่กว่า ซึ่งติดจำนอง เพราะตนนำไปค้ำประกันเงินกู้ ธ.ก.ส.ให้กับสามี ยอดหนี้ประมาณ 580,000 บาท แต่เมื่อปี 2564 ลูกชายของตนเอง 2 คนได้ไปกู้เงิน ธ.ก.ส. คนละ 300,000 บาท รวมเป็น 600,000 บาท โดยใช้สมาชิกค้ำกันเอง เพื่อนำเงินก้อนไปปิดหนี้ ธ.ก.ส. ที่สามีตนกู้ 580,000 บาท

นางสงบ บอกด้วยว่า เมื่อปิดหนี้แล้วทำไมธนาคารถึงไม่มอบโฉนดที่ดินให้ แต่กลับถูกนำที่ดินไปประกาศขายทอดตลาดในราคา 5 หมื่นบาท แต่ผู้ซื้อกลับไม่ชำระหนี้ที่ติดจำนองด้วย ซึ่งตามเงื่อนไขแล้วหากขายทอดตลาดแล้ว ที่ติดจำนองผู้ซื้อจะต้องรับภาระยอดหนี้ดังกล่าวด้วย จากกรณีดังกล่าวจึงอยากเรียกร้องให้ทาง ธ.ก.ส. กรมบังคับคดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกันตนเองด้วย เพราะตอนนี้ต้องไร้ที่ทำมาหากิน แถมยังเป็นหนี้ ธ.ก.ส.อีก 6 แสนบาท เพียงเพราะไปเซ็นค้ำให้คนอื่น ซึ่งก็ได้นำเรื่องไปยื่นต่อยุติธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ไว้แล้ว

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *